Home Fit Trend FOOD FOR FIT หญ้าหวาน หรือ สตีเวีย ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม กับชีวิตประจำวันได้อย่างไร?

หญ้าหวาน หรือ สตีเวีย ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม กับชีวิตประจำวันได้อย่างไร?

ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนเริ่มเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพ การกิน การควบคุมอาหาร และ การดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น นั้นเป็นเพราะ คนในยุคปัจจุบัน เริ่มตระหนักถึงเรื่องสุขภาพ โรคภัยจากการกิน เริ่มมีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับความอันตรายจากอาหาร การกิน การเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคน้ำตาลในปริมาณมาก เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคหัวใจ  เป็นต้น  รวมถึงมีคลังข้อมูลให้ศึกษากันมากมายโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพ ทำให้คนในยุคปัจจุบัน สนใจและเริ่มมองหาตัวช่วยต่างๆ เข้ามาช่วยดูแลสุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้น 

เมื่อความต้องการในการดูแลตัวเองมากขึ้น หญ้าหวาน (Stevia)  หรือ สารสกัดจากหญ้าหวาน (Stevioside)  ได้กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดการบริโภคน้ำตาล หรือรักษาสุขภาพ อีกทั้งในด้านอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม มีการนำหญ้าหวาน มาใช้มากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการ ของผู้บริโภคในยุคที่คนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีการรับรองความปลอดภัยจากองค์กรต่างๆ เพื่อทำให้ผู้บริโภคมั่นใจ ในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ใช้หญ้าหวานเป็นส่วนประกอบมากขึ้นด้วย

หญ้าหวานทั่วไป VS หญ้าหวานสกัด

ถ้าพูดถึงหญ้าหวานหลาย ๆ คนอาจจะรู้จักกันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่รู้ว่า หญ้าหวานที่นิยมนำมาใช้กันนั้น มีทั้ง หญ้าหวานทั่วไป และ หญ้าหวานสกัด ทั้ง 2 แบบ มีความเหมือนที่แตกต่างกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิต รูปแบบ หรือการนำไปใช้ประโยชน์ มาทำความรู้จักกับหญ้าหวานให้มากขึ้น 

หญ้าหวานทั่วไป ที่นิยมนำมาใช้ มักจะเป็นใบสด หรือ ใบแห้งของต้นหญ้าหวาน (Stevia rebaudiana)  ที่เก็บเกี่ยวโดยตรงจากต้น ไม่ผ่านกระบวนการสกัด หรือแปรรูปเพิ่มเติม ได้รสชาติหวานธรรมชาติ แต่มีรสขมติดปลายเล็กน้อย ความหวานจากธรรมชาติน้อยกว่าหญ้าหวานสกัด หากนำมาใช้ ต้องใช้ในปริมาณมาก เพื่อให้ได้ความหวานที่ต้องการ วิธีการนำมาใช้แบบดั้งเดิม คือ นำใบหญ้าหวานมาต้ม หรือแช่ในน้ำร้อน เพื่อให้ได้เป็นน้ำหวานธรรมชาติ มักใช้ในอาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่ต้องการความหวานแบบธรรมชาติ

หญ้าหวานสกัด ผลิตโดยการนำใบหญ้าหวาน นำไปผ่านกระบวนการสกัดด้วยน้ำ หรือสารละลาย เพื่อแยกสารให้ความหวานหลัก เช่น สตีวิโอไซด์ (Stevioside) หรือ เรบาอูดิโอไซด์ เอ (Rebaudioside A) มักถูกปรับปรุงให้รสชาติขมลดลง และมีความหวานที่นุ่มนวลขึ้น มีความหวานเข้มข้นมาก (สูงกว่าน้ำตาล 200-300 เท่า) ใช้ในปริมาณน้อยก็เพียงพอ นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร และเครื่องดื่มเชิงพาณิชย์ เช่น เครื่องดื่มไร้น้ำตาล ขนมปัง หรือของหวาน ใช้แทนน้ำตาลในสูตรอาหารต่าง ๆ โดยเฉพาะในอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาล รสชาติกลมกล่อมกว่า เนื่องจากผ่านการปรับปรุงในกระบวนการสกัด

หากคุณต้องการใช้ในแบบธรรมชาติ และกระบวนการน้อย หญ้าหวานทั่วไปอาจเหมาะสมกว่า แต่ถ้าต้องการรสหวานเข้มข้น ใช้ง่าย และไม่มีรสขม ใบหญ้าหวานสกัดเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

ประโยชน์ของหญ้าหวาน
จากที่กล่าวข้างต้น น่าจะทำให้รู้จักกับหญ้าหวาน (Stevia) กันมากขึ้น และทำให้รู้แล้วว่า หญ้าหวาน มีประโยชน์มากมาย ทั้งนี้ หญ้าหวานยังมีประโยชน์ในด้านสุขภาพอีกด้วย เพราะเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ปราศจากแคลอรี และประโยชน์เด่น ๆ ของหญ้าหวานที่ดีในด้านสุขภาพ ได้แก่
  1. ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด หญ้าหวานมีสารให้ความหวานธรรมชาติ เช่น สตีวิโอไซด์ (Stevioside) และ เรบาอูดิโอไซด์ เอ (Rebaudioside A) ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วย โรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  2. ช่วยควบคุมน้ำหนัก หญ้าหวานให้ความหวานโดยไม่มีแคลอรี เป็นทางเลือกแทนน้ำตาล สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือควบคุมปริมาณแคลอรีในอาหาร
  3. ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า สารสกัดจากหญ้าหวาน อาจช่วยลดความดันโลหิตได้ [1] อาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
  4. ส่งเสริมสุขภาพช่องปาก หญ้าหวานไม่ทำให้เกิดฟันผุ เนื่องจากไม่ถูกเปลี่ยนเป็นกรด โดยแบคทีเรียในช่องปาก มักนิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เช่น ยาสีฟัน หรือ หมากฝรั่ง เป็นต้น
  5. เหมาะสำหรับผู้แพ้น้ำตาลแลคโตส หญ้าหวานเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีภาวะแพ้น้ำตาลแลคโตส (Lactose intolerance) เพราะไม่มีส่วนประกอบของแลคโตส
  6. ช่วยลดการอักเสบ มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือด หรือโรคข้ออักเสบ
  7. เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ช่วยลดปริมาณน้ำตาลในอาหาร สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง และ โรคเบาหวาน
  8. เป็นทางเลือกจากธรรมชาติ ปลอดภัย และ ไม่มีสารเคมีตกค้าง เมื่อเปรียบเทียบกับสารให้ความหวานสังเคราะห์ เช่น แอสปาแตม (Aspartame) 

ความสำคัญของหญ้าหวาน  และ การบริโภคอย่างเหมาะสม
ถ้าแม้หญ้าหวาน (Stevia) เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่มีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะในการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และไม่เพิ่มแคลอรี่ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดการบริโภคน้ำตาล หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับน้ำตาล เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน  โรคหัวใจ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหญ้าหวานจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ แต่การบริโภคหญ้าหวานในปริมาณที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ 

ดังนั้นการใช้หญ้าหวานในปริมาณที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง จากหญ้าหวาน ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคหญ้าหวานในรูปแบบผง หรือสารสกัดก็ตาม จึงควรควบคุมปริมาณให้เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิต หรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ดังนี้
  1. หญ้าหวานในรูปแบบ สารสกัด หรือ ผงหญ้าหวาน ควรบริโภคในปริมาณที่ไม่เกิน 1-2 กรัม ต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ได้รสหวานตามต้องการ โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง
  2. หญ้าหวานในรูปแบบ เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่ม หรือ ขนม ควรใช้หญ้าหวานในปริมาณเล็กน้อย เช่น 1/4 ถึง 1/2 ช้อนชา ในเครื่องดื่ม หรือ น้ำหวาน ก็เพียงพอในการให้รสหวาน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น จากการบริโภคหญ้าหวานมากเกินไป
หญ้าหวานโดยทั่วไป ถือว่าปลอดภัยเมื่อบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม แต่หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ดังนี้
  1. ระคายเคืองในกระเพาะอาหาร และลำไส้ การบริโภคหญ้าหวาน ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย หรือท้องผูกได้ เนื่องจากสารบางชนิดในหญ้าหวาน อาจกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง ในระบบทางเดินอาหาร
  2. การเปลี่ยนแปลงของรสชาติ การใช้หญ้าหวานในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้รสชาติของอาหาร หรือเครื่องดื่มมีรสขม หรืออาจรู้สึกได้ถึงรสหวาน ที่มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้รสชาติไม่เป็นที่ต้องการ
  3. ผลกระทบต่อการดูดซึมสารอาหาร หากใช้หญ้าหวานในปริมาณมาก อาจมีผลต่อการดูดซึมสารอาหารบางชนิดในร่างกาย ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอในบางกรณี

ผู้ที่ควรระมัดระวัง ในการบริโภคหญ้าหวาน 
แม้ว่าหญ้าหวานจะปลอดภัยสำหรับผู้คนส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ควรระมัดระวังในการใช้หญ้าหวานด้วยเหมือนกัน หากคุณอยู่ในกลุ่มดังกล่าวจึงควรหลีกเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์ก่อน ผู้ที่ควรระมัดระวัง การบริโภคหญ้าหวาน มีดังนี้
  1. ผู้ที่แพ้พืชในกลุ่มคอมโพสิต (Asteraceae family) หากมีอาการแพ้พืชในตระกูลเดียวกัน เช่น ดาวเรือง หรือคอมโพสิท อาจเกิดอาการแพ้หญ้าหวานได้
  2. ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับการทำงานของไต ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการบริโภคหญ้าหวานในปริมาณมาก
  3. สตรีมีครรภ์และผู้ให้นมบุตร แม้จะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า หญ้าหวานจะส่งผลเสียต่อสตรีมีครรภ์ หรือผู้ให้นมบุตร แต่ควรระมัดระวัง และปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้งาน

จากที่กล่าวมาข้างต้น หลายๆท่านคงเริ่มเข้าใจแล้วว่า แม้หญ้าหวานจะมีประโยชน์มากมาย และ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการดูแลสุขภาพ หรือตัวช่วยให้คุณลดการบริโภคน้ำตาลในชีวิตประจำวันก็ตาม แต่ก่อนนำมาใช้ก็ควรศึกษาข้อมูล และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติ หรือผ่านกระบวนการสกัดที่ได้มาตรฐาน และคำนึงถึงเรื่องผลข้างเคียงด้วย 

ด้วยความต่างที่ไม่เหมือนใคร ในรูปแบบ Spoon-to-Spoon (ช้อนต่อช้อน) 
หญ้าหวานแบบ Spoon-to-Spoon (ช้อนต่อช้อน) เป็นผลิตภัณฑ์หญ้าหวานที่ถูกพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบที่สะดวกต่อการใช้งาน โดยมีลักษณะดังนี้
  1. สัดส่วนเทียบเท่าน้ำตาล ถูกออกแบบให้มีปริมาณ และความหวานที่ใกล้เคียงกับน้ำตาลธรรมดา สามารถใช้ช้อนตวงหญ้าหวานแทนการตวงน้ำตาลได้ในปริมาณที่เท่ากัน เช่น หากสูตรต้องใช้น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ ก็สามารถใช้หญ้าหวาน แทนได้เลย 1 ช้อนโต๊ะ เช่นกัน
  2. ความหวานสมดุล มีการปรับสูตรเพื่อลดรสขม ที่มักพบในหญ้าหวานธรรมชาติ ให้ความหวานนุ่มนวล และใกล้เคียงน้ำตาลมากขึ้น
  3. ใช้ในอาหาร และเครื่องดื่มได้หลากหลาย เหมาะสำหรับการปรุงอาหาร เครื่องดื่ม และการอบขนม สามารถทนความร้อนได้ จึงใช้ได้กับเมนูที่ต้องการความร้อน เช่น ขนมอบ หรือ ทำซอสต่างๆ

ข้อดีของหญ้าหวานแบบ Spoon-to-Spoon (ช้อนต่อช้อน)
  • ใช้ง่าย และ ไม่ต้องคำนวณใหม่ ช่วยลดความยุ่งยากในการปรับสูตรอาหาร โดยไม่ต้องคำนวณความหวานเพิ่มเติม
  • ลดแคลอรีในเมนูอาหาร มีแคลอรีต่ำมาก หรือไม่มีแคลอรีเลย เมื่อเทียบกับน้ำตาล 
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือผู้ป่วยเบาหวาน
  • เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ปลอดภัยต่อการบริโภค และสามารถใช้แทนน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่มที่รับประทานทุกวัน

การนำไปใช้งาน
  • เครื่องดื่ม: ใช้เติมในชา กาแฟ หรือสมูทตี้
  • อาหารคาว: ใช้ปรุงรสอาหาร เช่น ซุป น้ำยำ หรือต้มจืด
  • ขนมและเบเกอรี: ใช้แทนน้ำตาลในคุกกี้ เค้ก หรือพาย

ข้อควรระวัง
  1. รสชาติ และความหวานอาจแตกต่างเล็กน้อย แม้จะเทียบเท่าน้ำตาล แต่บางคนอาจรู้สึกถึงรสชาติที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย
  2. การเก็บรักษา ควรเก็บในที่แห้งและเย็น ห่างจากแสงแดด เพื่อคงคุณภาพของหญ้าหวาน

แนะนำเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้ หญ้าหวานหรือสตีเวีย จาก ฮอทต้า และ ฟิตเน่

1. บัวลอยน้ำขิง
วัตถุดิบ
  • งาดำ
  • น้ำมันมะพร้าว
  • เกลือ
  • แป้งข้าวเหนียว 
  • น้ำขิง  ฮอทต้า สูตรเข้มข้น ผสมหญ้าหวานสกัด 2 ซอง
  • น้ำเย็นจัด



วิธีทำ (ไส้งาดำ)
  1. นำงาดำมาคั่วให้หอม 
  2. งาดำที่คั่วเรียบร้อย นำมาตำให้ละเอียด
  3. เปิดไฟเตาแก๊ส ตั้งกระทะให้ร้อน เทงาดำตำละเอียดลงไป 
  4. เทน้ำมันมะพร้าว เกลือ น้ำตาลมะพร้าว ตามลงไป
  5. ผัดให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน 
  6. นำไส้งาดำที่ผัดไว้ ไปใส่ลงพินน้ำแข็ง แล้วนำไปแช่ฟรีซไว้
วิธีทำ (แป้งบัวลอย)
  1. ใส่แป้งข้าวเหนียว ลงไปในถ้วยสำหรับคลุก
  2. ตามด้วย น้ำขิง ฮอทต้า สูตรเข้มข้น ผสมหญ้าหวานสกัด 1 ซอง คลุกให้เข้ากันกับแป้ง
  3. เทน้ำเย็นจัดตามลงไป นวดแป้งให้เข้ากัน จนได้ความเหนียวนุ่ม และไม่ติดมือ
  4. นำแป้ง มาห่อไส้งาดำที่แช่ฟรีซไว้ แล้วคลึงๆให้เป็นลูกกลมๆ 
  5. ตั้งหม้อ เติมน้ำ ต้มจนน้ำเดือด ใส่แป้งบัวลอยห่อไส้งาดำ ลงไปต้ม (สังเกตหากแป้งสุกแล้ว บัวลอยจะลอยขึ้นมา) 
  6. ตักบัวลอยมาพักไว้ในน้ำเย็นจัด
วิธีทำ (น้ำขิง)
  1. ชงน้ำขิง ฮอทต้า สูตรเข้มข้น ผสมหญ้าหวานสกัด 1 ซอง / น้ำร้อน 150 มล.
  2. เตรียมถ้วยสวยๆ ตักบัวลอย ลงไป 4-5 ลูก ตามชอบ เทน้ำขิง ฮอทต้า สูตรเข้มข้น ผสมหญ้าหวานสกัด ที่ชงไว้ตามลงไป พร้อมเสิร์ฟ

2. ทูน่าอะโวคาโด
วัตถุดิบ
  • ฟิตเน่ สวีท สตีเวีย 2 ช้อนชา
  • เนื้อทูน่า 55 กรัม
  • ไข่ต้ม 2 ฟอง
  • ข้าวโพดต้ม1/2 ฝัก
  • มายองเนส 1 ช้อนชา
  • มะเขือเทศเชอรี่ 6 ลูก
  • ผักชี 1ต้น
  • อะโวคาโด 2 ลูก
  • พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา



วิธีทำ
  1. นำทูน่า ข้าวโพดต้ม ไข่ต้ม มะเขือเทศเชอรี่ ใส่ถ้วยสำหรับคลุก
  2. ใส่มายองเนส ตามลงไปในถ้วยสำหรับคลุก 
  3. ใส่เกลือป่น 1 ช้อนชา และ บีบมะนาว ตามลงไป
  4. เติม ฟิตเน่ สวีท สตีเวีย 2 ช้อนชา (ใช้ง่าย ช้อน ต่อ ช้อน)
  5. คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมด เข้าด้วยกัน
  6. เตรียมอะโวคาโด หั่นครึ่งลูก ตามแนวยาว นำเมล็ดออก 
  7. ตักส่วนผสมที่คลุกเคล้าไว้ วางลงบนอะโวคาโด พร้อมตกแต่งให้สวยงาม ด้วยผักชี พริกไทยดำป่น มะเขือเทศเชอรี่หั่น พร้อมเสิร์ฟ

3. อะโวคาโดกล้วยหอมสมูทตี้
วัตถุดิบ
  • ฟิตเน่ สวีท ซูคราโลส 1 ช้อนชา
  • อะโวคาโด หั่นเป็นชิ้น 1 ลูก
  • กล้วยหอม หั่นเป็นชิ้น 1 ลูก
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/2 ถ้วย
  • นมสด 1/2 ถ้วย
  • น้ำแข็ง 1 แก้ว



วิธีทำ
  1. เทน้ำแข็งใส่ โถเครื่องปั่น
  2. ตามด้วย อะโวคาโด และ กล้วยหอม ที่หั่นเตรียมไว้
  3. เทโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/2 ถ้วย ตามลงไป
  4. เติมนมสด 1/2 ถ้วย
  5. เติม ฟิตเน่ สวีท ซูคราโลส 1 ช้อนชา (ใช้ง่าย ช้อน ต่อ ช้อน)
  6. ปิดฝา พร้อมปั่นส่วนผสมทั้งหมด เข้าด้วยกัน
  7. เทใส่แก้ว พร้อมตกแต่ง ให้สวยงามตามชอบ

4. ยำแซ่บสตรอเบอรี่กุ้งสด
วัตถุดิบ
  • สตรอว์เบอร์รี่ 200 กรัม
  • กุ้งสด 500 กรัม
  • พริกสด ตามชอบ
  • หอมแดง 1 ถ้วย
  • สะระแหน่ 1 ถ้วย
  • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  • มะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  • ฟิตเน่ สวีท สตีเวีย 2 ช้อนชา



วิธีทำ
  1. เตรียมถ้วยคลุก สำหรับทำยำ
  2. เติม ฟิตเน่ สวีท สตีเวีย 2 ช้อนชา (ใช้ง่าย ช้อน ต่อ ช้อน)
  3. ตามด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว พริกแดงหั่นแว่น
  4. ใส่กุ้งลวก สตอเบอร์รี่สดหี่นครึ่อง หอมแดงซอย และ ใบสะระแหน่  ตามลงไป
  5. ยำส่วนผสมทั้งหมด เข้าด้วยกัน
  6. พร้อมตกแต่ง ให้สวยงามตามชอบ

จากบทความข้างต้น หลายๆท่านน่าจะได้รู้จักหญ้าหวาน และ หญ้าหวานแบบ Spoon-to-Spoon (ช้อนต่อช้อน) กันมากขึ้นบ้างแล้ว และหากคุณเป็นหนึ่งคน ที่อยากใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น เริ่มอยากดูแลตัวเอง อยากลดปริมานน้ำตาล หรือกำลังมองหา หญ้าหวาน สารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ใช้งานง่าย และเหมาะกับวิถีชีวิตที่รักสุขภาพ 
อ้างอิง
[1] สารสกัดจากหญ้าหวาน ช่วยลดความดันโลหิต
Other Articles